https://www.thaihealth.or.th/?p=265684
มะเร็ง 12 ชนิด จาก “บุหรี่” และอันตรายจากควันมือสาม
วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก โดยมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดทำข้อมูลไว้ชัดเจนเกี่ยวกับการเกิดโรคมะเร็งที่มาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งมีมากถึง 12 ชนิด ประกอบด้วย 1. มะเร็งปอด 2. มะเร็งริมฝีปาก 3. มะเร็งกล่องเสียง 4. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 5. มะเร็งตับอ่อน 6. มะเร็งไต 7. มะเร็ง ปากมดลูก 8. มะเร็งตับ 9. มะเร็งเม็ดเลือด 10. มะเร็งหลอดอาหาร 11. มะเร็งกระเพาะอาหาร และ 12. มะเร็งลำไส้ใหญ่
สาเหตุที่เกิดมะเร็งจากการสูบบุหรี่ได้หลายอวัยวะ รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) อธิบายในงานแถลงข่าว วันงดสูบบุหรี่โลก (บุหรี่เผาปอด) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า เพราะการเกิดมะเร็งจากการสูบบุหรี่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ง่ายที่สุด ตรงไปตรงมาที่สุด คือ การสูดควันเข้าสู่ปอด แต่อันที่เรามักจะมองข้าม คือ การสัมผัส เช่น คนสูบบุหรี่ สิ่งหนึ่งที่ต้องสัมผัส คือ ริมฝีปาก คนสูบบุหรี่มีโอกาสเกิดมะเร็งริมฝีปาก และมะเร็งในช่องปากสูงกว่าคนทั่วไป บางคนเป็นมะเร็งที่ลิ้น มะเร็งเพดานปาก มะเร็งหลอดอาหาร ซึ่งเกิดจากการสัมผัสเฉพาะที่โดยตรง ส่วนหนึ่งมาจากควันบุหรี่ อีกส่วนหนึ่งมาจากสารเคมีที่อยู่ตรงนั้น
รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการดูดซึมควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกายด้วย โดยควันบุหรี่ที่ฟุ้งกระจายจะวนเข้ามารีไซเคิลรอบสองผ่านผิวหนัง ซึ่งผิวหนังเราแท้จริงแล้วเป็นรูเล็ก ๆ ประหนึ่งเป็นตาข่ายที่มีความละเอียดมากและถี่มาก จึงมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่มีช่องให้สารเคมีมุดเข้าไปได้สบายมาก พอคนคนหนึ่งสูบบุหรี่ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ควันบุหรี่เข้าสู่ปอดตรงนั้น แต่ควันบุหรี่ที่ลอยในสิ่งแวดล้อมจะเข้ามาสู่ร่างกายทางผิวหนัง อาจเข้าไปได้บ้าง บางส่วนเกาะที่ผิว จึงเป็นเรื่องของ “ควันบุหรี่ มือสาม” ด้วย เพราะบางส่วนดูดซึมไม่หมด จึงตกค้างไปที่ผิว ต่อให้ไปอาบน้ำล้างตัว ใช้สบู่อย่างดี จะขัดออกหรือไม่ คำตอบคือไม่ออก ซึ่งมันติดคงทนนานมาก มีรายงานบอกว่า ติดเกินกว่า 100 ปี ถ้าเรามีอายุถึง ซึ่งมันติดนานขนาดนั้น เพราะฉะนั้น นี่คือสิ่งที่น่ากังวลมาก
ควันบุหรี่มือสามที่ตกค้างอยู่ทั้งร่างกายและสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านและสิ่งแวดล้อม จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้คนสูบบุหรี่เองและคนที่ไม่สูบบุหรี่ สัมผัสกับสารเคมีที่เกิดขึ้นจากบุหรี่ และเมื่อเข้าสู่ร่างกายก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดพิษและอันตรายต่อสุขภาพได้ จึงไม่แปลกที่มีคนเป็นโรคจากการสัมผัสควันบุหรี่มือสาม
โดยกลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุด คือ เด็กเล็ก ๆ เพราะเด็กมีโอกาสซึมซับฝุ่นละอองมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 2 เท่า เนื่องจากเด็กเล็กมักหายใจใกล้พื้นผิวสิ่งของต่าง ๆ หรือคลานเล่นตามพื้นที่มีสารพิษตกค้าง และบางครั้งเด็กอาจเลียหรือนำสิ่งของเข้าปากตามประสาเด็ก จึงเสี่ยงได้รับอนุภาคโลหะหนัก สารก่อมะเร็ง และสารกัมมันตรังสีจากบุหรี่ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
หากดูจากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2558 จะพบว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ทางอ้อมประมาณ 600,000 คน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากบุหรี่มือสาม
หากรักคนในครอบครัว ทางที่ดีอย่าสูบบุหรี่ในบ้านและรอบบ้าน เพราะมีสารพิษตกค้างจนเป็นอันตรายต่อคนที่เรารักได้ แต่ทางที่ดีที่สุด คือ ไม่สูบบุหรี่เลย จะปลอดภัยมากกว่า
“การแก้ปัญหาบุหรี่มือสามในบ้านจริง ๆ แล้ว คือ การเลิกสูบบุหรี่ในบ้านและรอบบ้าน ส่วนการกำจัดควันบุหรี่มือสามเป็นเรื่องยากมาก ทางเดียว คือ นำสิ่งของที่สัมผัสควันบุหรี่ไปทิ้งแล้วเปลี่ยนใหม่ เพราะสารพิษในควันบุหรี่พอไปฉาบผิวเฟอร์นิเจอร์ ผิวโซฟา หรือพื้นพรมและผ้าม่านยิ่งร้ายหนัก ต้องถอดทิ้งอย่างเดียว ซักก็ไม่ออก เพราะฉะนั้นวัสดุพื้นผิวใดที่มีลักษณะเป็นรูเล็ก ๆ ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้ามีความหนาแน่นสูงก็ไม่แน่ หากทำความสะอาดหลายรอบอาจพอออกได้บางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด” รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว